การทำการตลาดบน Google หรือเครื่องมือค้นหาบนอินเตอร์เน็ต Search Engine เป้าหมายคือทำให้เว็บไซต์ของหาเจอเมื่อมีค้นค้นหา โดยการติดหน้าแรก Google ทำได้ด้วย 2 วิธีคือ SEO กับ SEM ต่างกันคือ
SEM คืออะไร
SEM ย่อมาจากคำว่า Search Engine Marketing หมายถึงการทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเตอร์เน็ต เช่น เช่น Google, Yahoo!, Bing หมายถึงการโฆษณาที่มีค่าใช้จ่ายแบบซื้อพื้นที่การโฆษณาจาก Keyword โดยค่าใช้จ่ายจะเป็นลักษณะตามจำนวนคลิก หรือการแสดงผล
ข้อดีของ SEM
- ติดหน้าแรก Google อย่างรวดเร็ว
- สามารถลด หรือ เพิ่ม Keyword ได้ตลอดเวลา
- วัดผลการโฆษณาได้อย่างแม่นยำ
ข้อสังเกตุ SEM
- หยุดโฆษณา หยุดจ่ายเงิน หยุดการแสดงผล
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับ Keyword ที่ประมูล
- เก็บเงิน และนำฝากเข้าบัญชีผู้ได้ได้โดยอัตโนมัติ
SEO คืออะไร
SEO ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization เป็นแนวทาง การใช้เทคนิคปรับแต่งเว็บไซต์ ในปัจจัยต่างๆ เพื่อให้ Google นำเว็บไซต์เราไปแสดงผลในอันดับต้นๆ โดย Google จะมีการพิจารณาในเชิงเทคนิคต่างๆ มากมาย เช่นโครงสร้างเว็บไซต์ เนื้อหาในเว็บไซต์ ซึ่งในส่วนของการทำ SEO อาจจะเสียเงินน้อยกว่าการลงโฆษณามาก แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะอัลกอริทึ่มของ Google มีการปรับปรุงตลอด
ข้อดีของ SEO
- ไม่ต้องจ่ายเงินให้กับ Google
- เพิ่มผู้เข้าขมเว็บเพิ่มสูงขึ้น แบบ Organic
- สร้างความเชื่อมั่นกับผู้เข้าชมมากกว่า
ข้อสังเกตุ SEO
- ใช้เวลานาน 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย
- ต้องมีทำ SEO อย่างต่อเนื่อง ต้องมีทีมงานหลายส่วน
- หยุดทำ SEO เมื่อไหร่ มีโอกาสอันดับตก
- ใน Keyword ที่มีการแข่งขันสูง การทำ SEO ยิ่งยาก
ความแตกต่างระหว่าง SEO SEM คือ
- SEO อาจต้องใช้ระยะเวลานาน หรือ หลายเดือน หรือ นานกว่านั้น
- SEM สามารถขึ้นมาติดหน้าแรกของ Google ได้ทันที เมื่อจ่ายค่าโฆษณา
- ในหน้า ผลการค้นหา SEM จะมีคำว่า Ad กำกับไว้
ทั้ง SEO และ SEM ต่างก็เพื่อกระตุ้นยอดขาย การรับรู้แบรนด์ ทำให้ลูกค้าพบเจอเราได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนการตลาด แคมเปญ ระยะสั้น ระยะยาว หรือ ทำควบคู่กันไปได้